ข้อบังคับ

ข้อบังคับ

สมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๖๖

—————————–

          โดยที่เป็นการสมควรเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๓๗ ของข้อบังคับสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ และมติที่ประชุมใหญ่วิสามัญ สมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ เมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เห็นชอบให้ตราข้อบังคับสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ขึ้นใหม่ใช้แทนข้อบังคับฉบับเดิม ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑    ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๖๖”

ข้อ ๒    ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ได้รับจดทะเบียนจากนายทะเบียนสมาคม กรุงเทพมหานครเป็นต้นไป

ข้อ ๓    ให้ยกเลิกข้อบังคับสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม และให้ใช้ข้อบังคับฉบับนี้แทน

ข้อ ๔  ในข้อบังคับนี้

“สมาคม” หมายความว่า สมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์

“นายกสมาคม” หมายความว่า นายกสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์

“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์

“กรรมการ” หมายความว่า กรรมการสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์

“สมาชิก” หมายความว่า สมาชิกสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์

“ศิษย์เก่าวนศาสตร์” หมายความว่า ผู้ผ่านการศึกษาจากโรงเรียนป่าไม้ (พ.ศ. ๒๔๗๙ – ๒๔๘๒) โรงเรียนวนศาสตร์ วิทยาลัยวนศาสตร์ และคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

หมวด ๑

ความทั่วไป

ข้อ ๕    สมาคมนี้มีชื่อว่า “สมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์” เรียกโดยย่อว่า “ส.วน.” และมีชื่อภาษาอังกฤษว่า “Forestry Alumni Society” เรียกโดยย่อว่า “FAS”

ข้อ ๖    เครื่องหมายของสมาคมมีลักษณะเป็นรูปวงกลมสองวงซ้อนกัน วงกลมในล้อมรอบด้วยชื่อเต็มของสมาคมทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ภายในวงกลมประกอบด้วยสัญลักษณ์ต้นไม้หนึ่งต้น และมีอักษรย่อของชื่อสมาคมทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มีรูปลักษณะดังนี้

 

ข้อ ๗    สำนักงานใหญ่ของสมาคมตั้งอยู่ที่ เลขที่ ๕๐ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร รหัสไปรษณีย์ ๑๐๙๐๐

ข้อ ๘    วัตถุประสงค์ของสมาคม เพื่อ

(๑) เป็นศูนย์กลางติดต่อและเชื่อมความสามัคคีระหว่างศิษย์เก่าวนศาสตร์และสมาชิก

(๒) สร้างจิตสำนึกให้ศิษย์เก่าวนศาสตร์และสมาชิก มีวินัย มีอุดมการณ์ ยึดมั่นในคุณธรรมและจริยธรรม

(๓) ยกย่องให้รางวัลหรือประกาศเกียรติคุณศิษย์เก่าวนศาสตร์ที่มีผลงานดีเด่น และบุคคลอื่นผู้ทำคุณประโยชน์แก่วงการป่าไม้

(๔) ส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการป่าไม้

(๕) ให้ทุนการศึกษาด้านการป่าไม้แก่นิสิตวนศาสตร์ผู้เรียนดี ประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์

(๖) สนับสนุน ส่งเสริมการศึกษา การค้นคว้าวิจัยทางด้านการป่าไม้

(๗) ส่งเสริมการกุศลและสาธารณประโยชน์

(๘) ส่งเสริมการบันเทิง การกีฬา การพักผ่อนหย่อนใจ และสวัสดิการของสมาชิก

(๙) ผดุงไว้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีของบรรดาศิษย์เก่าวนศาสตร์และวิชาชีพการป่าไม้

(๑๐) ส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยความเป็นกลาง และไม่สนับสนุนด้านการเงินหรือทรัพย์สินแก่นักการเมืองหรือพรรคการเมืองใด

หมวด ๒

สมาชิก

ข้อ ๙    สมาชิกของสมาคมมี ๓ ประเภท คือ

(๑) สมาชิกสามัญ ได้แก่ ศิษย์เก่าวนศาสตร์

(๒) สมาชิกวิสามัญ ได้แก่ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งคณบดี ศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์  อาจารย์หรืออาจารย์พิเศษของคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งคณะกรรมการมีมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม

(๓) สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ บุคคลผู้ทรงเกียรติ ผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้มีอุปการะคุณแก่สมาคม
ซึ่งคณะกรรมการมีมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม

ข้อ ๑๐  สมาชิกต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้

(๑) เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว

(๒) เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย

(๓) ไม่เป็นโรคที่สังคมรังเกียจ

(๔) ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย หรือไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือต้องโทษจำคุก ยกเว้นความผิดฐานประมาทหรือความผิดลหุโทษ การต้องคำพิพากษาของศาล
ถึงที่สุด ในกรณีดังกล่าวจะต้องเป็นในขณะที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกหรือในระหว่างที่เป็นสมาชิกของสมาคมเท่านั้น

ข้อ ๑๑  ค่าบำรุงและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ

(๑) สมาชิกไม่ต้องเสียค่าสมัครเข้าเป็นสมาชิกและค่าบำรุงประจำปี

(๒) สมาคมอาจวางระเบียบเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการทำบัตรสมาชิก หรือกิจกรรมอื่นได้ตามที่คณะกรรมการพิจารณาเห็นสมควร

ข้อ ๑๒  ผู้ที่ประสงค์จะสมัครเป็นสมาชิกสามัญ ให้ยื่นใบสมัครตามแบบและวิธีการของสมาคมต่อเลขาธิการสมาคม เพื่อเสนอคณะกรรมการพิจารณามีมติให้รับเข้าเป็นสมาชิก

ข้อ ๑๓  สมาชิกภาพของสมาชิกสามัญเริ่มตั้งแต่วันที่คณะกรรมการมีมติให้รับเป็นสมาชิก ส่วนสมาชิกภาพของสมาชิกวิสามัญและสมาชิกกิตติมศักดิ์ ให้เริ่มตั้งแต่วันที่สมาคมได้รับหนังสือตอบรับการเชิญเข้าเป็นสมาชิก แล้วแต่กรณี

ข้อ ๑๔  สมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลงด้วยเหตุดังต่อไปนี้

(๑) ตาย

(๒) ลาออก

(๓) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๑๐

(๔) คณะกรรมการมีมติให้ลบชื่อออกจากทะเบียนเพราะสมาชิกผู้นั้นได้ประพฤตินำความเสื่อมเสีย
มาสู่สมาคม

ข้อ ๑๕  สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก

(๑) มีสิทธิเข้าใช้สถานที่ของสมาคมโดยเท่าเทียมกัน

(๒) มีสิทธิเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของสมาคมต่อคณะกรรมการ

(๓) มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น

(๔) มีสิทธิประดับเครื่องหมายของสมาคมในโอกาสอันสมควร

(๕) มีสิทธิเข้าร่วมประชุมใหญ่ของสมาคม

(๖) สมาชิกสามัญมีสิทธิในการเลือกตั้ง หรือได้รับการเลือกตั้ง หรือได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการสมาคม และมีสิทธิออกเสียงลงมติต่าง ๆ ในที่ประชุมได้คนละหนึ่งเสียง

(๗) สมาชิกสามัญมีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบเอกสารและบัญชีทรัพย์สินของสมาคม

(๘) สมาชิกสามัญมีสิทธิเข้าชื่อร่วมกันอย่างน้อยห้าสิบคน ร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญได้

(๙) มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบปฏิบัติของสมาคมโดยเคร่งครัด

(๑๐) มีหน้าที่ประพฤติตนให้สมกับเกียรติที่เป็นสมาชิกของสมาคม

(๑๑) มีหน้าที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินกิจการต่าง ๆ ของสมาคม

(๑๒) มีหน้าที่ร่วมกิจกรรมที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น

(๑๓) มีหน้าที่ช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงของสมาคมให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

หมวด ๓

การดำเนินกิจการของสมาคม

ข้อ ๑๖  ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์” ประกอบด้วย
นายกสมาคม เป็นประธานกรรมการ และกรรมการอื่น รวมกันมีจำนวนตามที่ที่ประชุมใหญ่กำหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่าสิบห้าคนและไม่เกินยี่สิบห้าคนซึ่งเป็นสมาชิกสามัญของสมาคม นายกสมาคมได้มาจากการเลือกตั้งของที่ประชุมใหญ่ กรรมการอื่นกึ่งหนึ่งได้มาจากการเลือกของที่ประชุมใหญ่ และอีกกึ่งหนึ่งได้มาจากการเลือกของนายกสมาคม แล้วให้นายกสมาคมเป็นผู้แต่งตั้ง  ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นกรรมการเข้าดำรงตำแหน่งต่าง ๆ มีตำแหน่งและหน้าที่โดยสังเขป ดังต่อไปนี้

(๑) นายกสมาคม ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการของสมาคม และทำหน้าที่เป็นประธาน
ในที่ประชุมคณะกรรมการ และการประชุมใหญ่ของสมาคม

(๒) อุปนายก ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายกสมาคมในการบริหารกิจการสมาคม ปฏิบัติตามที่นายกสมาคมได้มอบหมาย และทำหน้าที่แทนนายกสมาคมเมื่อนายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ ตำแหน่ง
อุปนายกจะกำหนดให้มีมากกว่าหนึ่งคนก็ได้ แต่การทำหน้าที่แทนนายกสมาคมให้อุปนายกตามลำดับตำแหน่ง
เป็นผู้กระทำการแทน

(๓) เลขาธิการ ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการของสมาคม และทำหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของสมาคมทั้งหมด เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่สมาคมในการปฏิบัติกิจการของสมาคม และปฏิบัติตามคำสั่งของนายกสมาคม ตลอดจนทำหน้าที่เป็นเลขานุการในการประชุมต่าง ๆ ของสมาคม

(๔) เหรัญญิก ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินทั้งหมดของสมาคม เป็นผู้จัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย บัญชีงบดุล และบัญชีทรัพย์สินของสมาคม และเก็บเอกสารหลักฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับการเงิน การบัญชี และทรัพย์สินของสมาคมไว้เพื่อการตรวจสอบ

(๕) ปฏิคม ทำหน้าที่ในการต้อนรับแขกของสมาคม เป็นหัวหน้าในการจัดเตรียมสถานที่ของสมาคม และจัดเตรียมสถานที่ประชุมต่าง ๆ ของสมาคม

(๖) นายทะเบียน ทำหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนและประวัติของสมาชิกทั้งหมดของสมาคม ประสานงานกับเหรัญญิกในการเก็บเงินค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ตามระเบียบที่สมาคมกำหนดขึ้น

(๗) ประชาสัมพันธ์ ทำหน้าที่เผยแพร่กิจการและชื่อเสียงเกียรติคุณของสมาคมให้สมาชิกและบุคคลทั่วไปเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย

(๘) สาราณียกร ทำหน้าที่เกี่ยวกับการจัดทำวารสารของสมาคมเพื่อเผยแพร่กิจกรรมของสมาคม

(๙) ฝ่ายหารายได้ ทำหน้าที่เกี่ยวกับการหารายได้ของสมาคมโดยไม่สร้างภาระหนี้สินผูกพันสมาคม

(๑๐) ฝ่ายสวัสดิการ ทำหน้าที่ในการจัดการหรือจัดหาสวัสดิการและดำเนินกิจการอื่น ๆ อันเป็นการสงเคราะห์ช่วยเหลือให้แก่สมาชิกของสมาคม

(๑๑) กรรมการตำแหน่งอื่น ๆ ซึ่งคณะกรรมการเห็นสมควรให้มีขึ้น โดยมีจำนวนเมื่อรวมกับตำแหน่งกรรมการตาม (๑) ถึง (๑๐) แล้วจะต้องไม่เกินจำนวนที่ได้กำหนดโดยที่ประชุมใหญ่ข้างต้น ถ้าคณะกรรมการมิได้กำหนดตำแหน่งก็ให้ถือว่าเป็นกรรมการกลาง

ข้อ ๑๗  คณะกรรมการอยู่ในตำแหน่งได้คราวละสองปี นับแต่วันที่ได้รับการจดทะเบียนจากนายทะเบียนสมาคมแห่งท้องที่ และเมื่อคณะกรรมการอยู่ในตำแหน่งครบกำหนดตามวาระแล้ว ก็ให้คณะกรรมการที่ครบกำหนดตามวาระรักษาการไปพลางก่อนจนกว่าจะได้คณะกรรมการชุดใหม่ โดยให้ทำการส่งและรับมอบงานกันระหว่างคณะกรรมการชุดเก่าและชุดใหม่ให้เสร็จสิ้นภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่คณะกรรมการชุดใหม่ได้รับการจดทะเบียนจากนายทะเบียนสมาคมแห่งท้องที่

ข้อ ๑๘  ตำแหน่งกรรมการถ้าต้องว่างลงก่อนครบกำหนดตามวาระ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งสมาชิกสามัญ
คนใดคนหนึ่งที่เห็นสมควรเข้าดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลง แต่ถ้าตำแหน่งนายกสมาคมว่างลงก่อนครบกำหนดตามวาระก็ให้คณะกรรมการเลือกกันเองเพื่อเข้าดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งนายกสมาคมที่ว่างลงนั้น และให้ผู้ที่
ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ที่ตนแทน

ข้อ ๑๙  กรรมการพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งมิใช่เป็นการออกตามวาระด้วยเหตุดังต่อไปนี้

(๑) ตาย

(๒) ลาออก

(๓) ขาดจากสมาชิกภาพ

(๔) ที่ประชุมใหญ่มีมติให้พ้นจากตำแหน่ง

ข้อ ๒๐  กรรมการที่ประสงค์จะลาออกจากตำแหน่ง ให้ยื่นใบลาออกเป็นหนังสือต่อเลขาธิการสมาคม และ
ให้มีผลต่อเมื่อคณะกรรมการมีมติให้ลาออกได้

ข้อ ๒๑  อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ

(๑) มีอำนาจออกระเบียบปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อให้สมาชิกได้ปฏิบัติ โดยระเบียบปฏิบัตินั้นจะต้องไม่ขัด
ต่อข้อบังคับนี้

(๒) มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่ของสมาคม

(๓) มีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน ที่ปรึกษาหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดเพื่อปฏิบัติงานตามที่คณะกรรมการมอบหมายได้

(๔) มีอำนาจเรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปีและประชุมใหญ่วิสามัญตามข้อบังคับ

(๕) มีอำนาจบริหารกิจการของสมาคมเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และเป็นผู้แทนของสมาคม
ในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก ตลอดจนมีอำนาจอื่น ๆ ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ

(๖) มีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการของสมาคม รวมทั้งการเงินและทรัพย์สินของสมาคม

(๗) มีหน้าที่จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญตามที่สมาชิกสามัญ ได้เข้าชื่อร้องขอให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญขึ้นภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ

(๘) มีหน้าที่จัดทำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ทั้งที่เกี่ยวกับการเงิน ทรัพย์สิน และการดำเนินกิจการต่าง ๆ ของสมาคมให้ถูกต้องตามหลักวิชาการและสามารถจะให้สมาชิกตรวจดูได้เมื่อสมาชิกร้องขอ

(๙) มีหน้าที่จัดทำบันทึกการประชุมต่าง ๆ ของสมาคมเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน

(๑๐) มีหน้าที่อื่น ๆ ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ

ข้อ ๒๒  คณะกรรมการจะต้องประชุมกันอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการบริหารกิจการสมาคม

ข้อ ๒๓  การประชุมคณะกรรมการ จะต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะถือว่าครบองค์ประชุม มติของที่ประชุมคณะกรรมการถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

ข้อ ๒๔  ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้านายกสมาคมและอุปนายกสมาคมไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการที่เข้าร่วมประชุมคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม

หมวด ๔

การประชุมใหญ่

ข้อ ๒๕  การประชุมใหญ่ของสมาคมมี ๒ ชนิด คือ

(๑) การประชุมใหญ่สามัญ

(๒) การประชุมใหญ่วิสามัญ

ข้อ ๒๖  คณะกรรมการจะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๆ ละหนึ่งครั้ง ไม่เกินเดือนมีนาคม
ของทุกปี

ข้อ ๒๗  การประชุมใหญ่วิสามัญอาจจะมีขึ้นได้ ก็โดยเหตุที่คณะกรรมการเห็นสมควรจัดให้มีขึ้น หรือเกิดขึ้นด้วยการเข้าชื่อร่วมกันของสมาชิกสามัญจำนวนไม่น้อยกว่าห้าสิบคนมีหนังสือร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญก็ได้ โดยหนังสือร้องขอนั้นจะต้องระบุว่าประสงค์จะให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อการใด

ข้อ ๒๘  การแจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ ให้เลขาธิการสมาคมเป็นผู้แจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ให้สมาชิกได้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน และประกาศแจ้งไว้ ณ สำนักงานของสมาคมเป็นเวลาไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก่อนถึงกำหนดวันประชุมใหญ่ด้วย

ข้อ ๒๙  การประชุมใหญ่สามัญจะต้องมีวาระการประชุมอย่างน้อยดังต่อไปนี้

(๑) แถลงกิจการที่ผ่านมาในรอบปี

(๒) แถลงบัญชีรายรับ รายจ่าย และบัญชีงบดุลของปีที่ผ่านมา

(๓) เลือกคณะกรรมการชุดใหม่เมื่อครบกำหนดตามวาระ

(๔) แต่งตั้งผู้สอบบัญชี

(๕) เรื่องอื่น ๆ (ถ้ามี)

ข้อ ๓๐  ในการประชุมใหญ่สามัญหรือการประชุมใหญ่วิสามัญ จะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมด หรือไม่น้อยกว่าห้าสิบคน จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม แต่ถ้าเมื่อถึงกำหนดเวลาประชุมยังมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุม ให้คณะกรรมการเรียกประชุมใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยจัดให้มีขึ้นภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่นัดประชุมครั้งแรก สำหรับการประชุมในครั้งหลังนี้ ถ้ามีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนเท่าใดก็ให้ถือว่าครบองค์ประชุม ยกเว้นถ้าเป็นการประชุมใหญ่วิสามัญที่เกิดขึ้นจากการร้องขอของสมาชิก
ก็ไม่ต้องจัดประชุมใหม่ ให้ถือว่าการประชุมเป็นอันยกเลิก

ข้อ ๓๑  การลงมติต่าง ๆ ในที่ประชุมใหญ่ ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

ข้อ ๓๒  ในการประชุมใหญ่ของสมาคม ถ้านายกสมาคมและอุปนายกสมาคมไม่มาร่วมประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการที่มาประชุมคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม

หมวด ๕

การเงินและทรัพย์สิน

ข้อ ๓๓  การเงินและทรัพย์สินทั้งหมดให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ เงินสดของสมาคมให้นำฝากไว้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่นตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร

ข้อ ๓๔  การลงนามในตั๋วเงินหรือเช็คของสมาคม จะต้องมีลายมือชื่อของนายกสมาคมหรือผู้ทำการแทน
พร้อมกับประทับตราเครื่องหมายของสมาคมจึงจะถือว่าใช้ได้

ข้อ ๓๕  ให้นายกสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินของสมาคมได้ครั้งละไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน)
ถ้าเกินกว่านั้นจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ และคณะกรรมการจะอนุมัติให้จ่ายเงินได้ครั้งละไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) ถ้าจำเป็นจะต้องจ่ายเกินกว่านี้ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ของสมาคม

ข้อ ๓๖  ให้เหรัญญิกมีอำนาจเก็บรักษาเงินสดของสมาคมได้ครั้งละไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท (สามหมื่นบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่านั้นจะต้องนำฝากธนาคารหรือสถาบันการเงินในบัญชีของสมาคมทันทีที่โอกาสอำนวยให้

ข้อ ๓๗  เหรัญญิกจะต้องทำบัญชีรายรับ รายจ่าย บัญชีงบดุล และบัญชีทรัพย์สิน ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ และการรับหรือจ่ายเงินทุกครั้งจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อของนายกสมาคมหรือผู้ทำการแทนร่วมกับเหรัญญิกหรือผู้ทำการแทน แล้วแต่กรณี พร้อมกับประทับตราเครื่องหมายของสมาคมทุกครั้ง

ข้อ ๓๘  ผู้สอบบัญชีมีอำนาจเรียกเอกสารที่เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินจากคณะกรรมการ และสามารถเรียกกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคมเพื่อสอบถามเกี่ยวกับบัญชีและทรัพย์สินของสมาคมได้

ข้อ ๓๙  คณะกรรมการจะต้องให้ความร่วมมือกับผู้สอบบัญชีเมื่อได้รับการร้องขอ

หมวด ๖

การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับและการเลิกสมาคม

          ข้อ ๔๐  ข้อบังคับของสมาคมจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่เท่านั้น และองค์ประชุมจะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าห้าสิบคน มติของที่ประชุมในการให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับจะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด

ข้อ ๔๑  การยกเลิกสมาคม จะเลิกได้ก็โดยมติที่ประชุมใหญ่ของสมาคม เว้นแต่เป็นการเลิกเพราะเหตุ
ของกฎหมาย และองค์ประชุมจะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าสามร้อยคน มติของที่ประชุมใหญ่
ที่ให้เลิกสมาคมจะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด

ข้อ ๔๒  เมื่อสมาคมต้องเลิกไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม เงินและทรัพย์สินของสมาคมให้ตกเป็นของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อใช้ในกิจการของคณะวนศาสตร์

 

บทเฉพาะกาล

ข้อ ๔๓  ให้คณะกรรมการที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนที่ข้อบังคับนี้ใช้บังคับ เป็นคณะกรรมการตามข้อบังคับนี้ต่อไปจนกว่าจะครบวาระตามข้อบังคับเดิม

ข้อ ๔๔  บรรดาสมาชิกของสมาคมที่มีอยู่ในวันก่อนที่ข้อบังคับนี้ใช้บังคับ ให้เป็นสมาชิกตามข้อบังคับนี้ต่อไป

ข้อ ๔๕  การเงินและทรัพย์สินทั้งหมดของสมาคมที่อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการตามข้อบังคับเดิม ให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการตามข้อบังคับนี้ต่อไป

ข้อ ๔๖  บรรดาระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งใด ๆ ที่ออกตามข้อบังคับเดิมและใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวัน
ที่ข้อบังคับนี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อบังคับนี้ ทั้งนี้ จนกว่าจะมีระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกตามข้อบังคับนี้ใช้บังคับ

————————————

Pin It on Pinterest